ผู้มีบุญ

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

210 ทองปู่นาคราช ลูกแก้วดวงธรรมญาณ เสด็จอจินไตย


        

ทองปู่นาคราช ลูกแก้วดวงธรรมญาณ เสด็จอจินไตย


ลูกแก้ว ลูกแก้วดวงธรรมฯ ทองปู่ฯ พระสมเด็จจิตรลดาฯ พระปิดตา แหวน ปู่นาคราช







ลูกแก้วดวงธรรมญาณ

















พระสมเด็จจิตลดา







ทองปู่นาคราช




















วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

209 พระนางมาริษา เทวี น้องสาวพระพิฆเณศ ลูกพระศิวะ

พระนางมาริษา เทวี น้องสาวพระพิฆเณศ ลูกพระศิวะ

พระนางมาริษาเทวี ( มนสาเทวี )...บุตรีแห่งองค์ศิวะเทพ...

พระแม่สุมนาเทวี นางนาคในพระพุทธศาสนาที่ผู้บูชาพญานาคควรควรรู้จัก


นางนาค กัญญาสุมนาเทวี.......


องค์พระแม่นาคิน หรือพระแม่สามโลก

 " โอม ศรีมาตา มัลชา เดวี "



เทพเทวีแห่งงู....

บางคัมภีร์ระบุว่าพระศิวะมีลูกสาวองค์เดียวคือพระนางมาริษาหรือมนสา
เทวีอิตถีเทพผู้เป็นที่กล่าวขวัญกันว่างดงามเป็นยิ่งนักแต่ทว่าในคัมภีร์ก็
กล่าวว่าพระธิดาองค์นี้จะประสูติจากพระมเหสีองค์ใดของพระศิวะก็มิอาจ
ทราบได้เพราะมิได้ปรากฏหลักฐานอันใดจึงมีการสันนิษฐานกันว่าอาจ
จุติมาจากการที่พระศิวะทรงนิรมิตเสกสรรขึ้นมาเองก็เป็นได้และไม่มีทาง
ที่พระนางมาริษาจะเป็นธิดาของพระศิวะที่ประสูติจากพระนางปาราวตี
หรือพระแม่อุมาเพราะมีเรื่องร่ำลือกันว่าพระนางมาริษาไม่ค่อยถูกชะตา
กับพระอัครมเหสีของผู้เป็นพระบิดาเท่าใดนักพระนางมาริษากับพระ
นางปาราวตีมีเรื่องขัดแย้งกันบ่อยๆจนฝ่ายอ่อนเยาว์กว่าได้ตัดสินใจเสด็จ
ลงมาประทับบนโลกและสถิตย์อยู่ในฐานะเทพนารีที่ประทานพรต่อ
มนุษย์จึงมีผู้คนนิยมสักการะบูชากันไม่น้อยในเวลาต่อมาในบางคัมภีร์
ก็ยังระบุว่า พระศิวะมีลูกสาวอีกองค์หนึ่งคือพระนางเนตาเทวีและก็มิ
ได้บ่งบอกไว้เช่นกันว่าพระมารดาของพระนางเนตาเทวีคือใคร
กันแน่แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวของพระนางเนตาเทวีก็มิค่อยปรากฏบทบาท
ใด ๆ มากนักในแวดวงเทพเทวะ...





ตามประวัติเดิมนั้น นางมนสาเทวี ไม่เป็นที่โปรดปราณของพระนาง
ปราวตีนักด้วยเหตุนี้เธอจึงเสด็จสู่พื้นล่างบนโลกมนุษย์กับลูกสาวพระศิวะ
อีกพระองค์หนึ่งคือนาง เนตา เมื่อลงมาสู่โลกมนุษย์พระนางมีความใฝ่ฝัน
ว่าอยากจะให้โลกได้บูชาพระนางเหมือนกัน
เรื่องเล่าสืบกันมาว่า จานนท์ ซึ่งเป็นนายพานิชน์แห่งจำปาก เป็นผู้ซึ่ง
นับถือพระศิวะและพระนางปราวตีเป็นที่สุด พระนางมนสาเทวี พยายาม
ทุกวิถีทางที่จะเปลื่ยน
ความตั้งใจของจานนท์ แต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยความร่ำรวยของจานนท์ได้
สร้างสวนดอกไม้ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อน นางมนสาเทวีได้สั่งให้งู
บริวารทั้งหลายเข้าไปทำลายสวนดอกไม้นั้นเสีย ด้วยผลบุญที่จานนท์
มั่นคงในพระศิวะเทพจนเป็นที่โปรดปราณพระเป็นเจ้าจึงได้ประทาน
มนตราลึกลับให้บทหนึ่งเพื่อใช้ในการชุบสิ่งที่ตายแล้วให้ฟื้นได้และ
ด้วยมนตร์บทนี้เองที่ทำให้ดอกไม้ทั้งหลายเบ่งบานในสวนอีกครั้ง
นางมนสาเทวีไม่สิ้นความตั้งใจ ใช้มายาและมนตราแปลงร่างเป็นหญิง
สาวสวยเพื่อให้จานนท์หลงรัก จนในที่สุดนางก็ล้วงเอาความลับแห่งมน
ตราในการชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นได้สำเร็จและคืนร่างเดมบอกกับจานนท์
ว่า ให้กลับใจมาบูชานางเสีย แล้วจะประสบความสำเร็จและได้จากจานนท์
ไปในที่สุด เมื่อมนตราลึกลับได้หลุดจากปากจานนท์ไปแล้วย่อมใช้กับจา
นนท์ไม่ได้ผลอีกต่อไป














การดื้อรั้นของจานนท์ เป็นเหตุให้ลูกชายทั้ง 6 ถูกงูกัดตาย และทุกครั้ง
ก่อนลูกแต่ละคนจะตาย จานนท์ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูว่า ให้กลับใจมา
นับถือนางเสีย แต่เขาก็ยังดื้อรั้น ครั้งหนึ่งจานนท์ได้อาศัยเรือสินค้าเดิน
ทางกลับบ้าน ระหว่างทางนั้น นางมนสาเทวีได้บัดาลให้เกิดมรสุมใหญ่
เรือแตกอับปางจานนท์ได้สวดมนตร์ถึงพระนางปราวตี พระเทวีได้
เสด็จมาช่วยเหลือจานนท์ นางมนสาเทวีได้ตัดพ้อกับพระศิวะเทพ
ผู้เป็นบิดาว่าการที่พระมหาเทวีมาช่วยเหลือนั้นไม่ยุติธรรมต่อนาง และ
ขอให้พระศิวะนำพระนางปราวตีกลับวิมานเสีย อย่าได้มาเกี่ยว
ข้องกับนางเลย พระศิวะเลยต้องทำตามคำขอร้องของพระธิดา
อันที่จริงนางมนสาเทวีไม่มีเจตนาจะฆ่าจานนท์ จึงเนรมิตปัทมอาสน์
บัลลังก์ดอกบัวรับเอาจานนท์ไว้แต่จานนท์รู้ว่าเป็นของนางมนสาเทวีจึงไม่
ยอมรับไว้ แต่นางก็บันดาลให้จานนท์ถึงฝั่งโดยปลอดภัย จานนท์สูญเสีย
ทรัพย์สินทุกอย่างจากเหตุเรือล่มครั้งนั้นได้เดินทางไปอาศัยอยู่กับเพื่อน
แต่พอรู้ว่าเพื่อนบูชานางมนสาเทวีก็ออกจากบ้านของเพื่อนไปโดย
ไม่ได้ร่ำลา ชีวิตพเนจรของจานนท์ลำบากมาก อดอยากจนถึงต้องกินกาบ
กล้วยเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆหนึ่ง




















แม้ว่านางมนสาเทวีจะเสด็จมาสู่ภาคพื้นดิน แต่ก็ยังมีฤทธิ์สามารถ
ขึ้นสวรรค์เหมือนเดิมทุกประการ วันหนึ่งนางไปเยี่ยมเพื่อนที่เป็นชาว
สวรรค์ด้วยกัน เพื่อนทั้ง 2 ของนางมนสาเทวีบอกว่าจะลงไปจุติเพื่อช่วย
ให้การกิจของนางได้สำเร็จ คนหนึ่งจะไปถือกำเนิดเป็นบุตรชายของ
จานนท์ชื่อ ลักษมินทร อีกคนหนึ่งจะไปเกิดเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ
ค้าของจานนท์ชื่อว่า นาง เพลุหา และเมื่อทั้ง 2 เติบโตจะได้แต่งงานกัน
โหรทำนายไว้ว่า วันแต่งงาน ลักษมินทรจะถูกงูกัดตาย ดังนั้นเพื่อความ
ไม่ประมาทจานนท์ได้สั่งให้ช่างสร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่งซึ่งไม่มีรูในบ้านเลย
แต่ช่างถูกนางมนสาเทวีข่มขู่ จึงได้สร้างบ้านเปิดรูเท่าเส้นผมไว้และเอาผง
ถ่านอุดไว้ พร้อมกันนั้นได้กำชับเวรยามตรวจตราเหนียวแน่นและโรยผง
พิษหมายเด็ดชีพงูไว้รอบๆบริเวณบ้าน และด้วยรูนี้เองทำให้งูบริวารของ
นางมนสาเทวีแทรกเข้ามาในบ้านหลังดังกล่าว ขณะที่ ลักษมินทรหลับอยู่
นางเพลุหา เห็นงูเข้ามาในห้องก็ทำทีเป็นป้อนนมและอาหารให้กับงู เมื่องู
เผลอก็เลื่อนบ่วงกระตุกงูขึ้นแขวนกับขื่อคา 2-3ตัวแต่นางโดนพิษงูเข้าไป
เลยทำให้นัยน์ตามัวเลยหลับไปในที่สุด ดังนั้นลักษมินทรก็เลยถูกงูเด็ดชีพ
ตามที่โหรทำนายไว้ทุกอย่าง
คนที่ถูกงูกัดตายนั้นไม่นิยมเผา แต่นิยมเอาใส่แพลอยน้ำไป และด้วย
ความที่นางรักลักษมินทรมาก นางตัดสินใจที่จ
ะนั่งอยู่ในแพกับสามีด้วย
ไม่ว่าญาติผู้ใหญ่ เพื่่อนฝูง พี่น้องจะทัดทานเท่าไรก็ไม่เป็นผล
ก่อนที่แพจะออกจากฝั่ง นางได้สั่งให้แม่จุดตะเกียงขึ้น
ที่ห้องพักและปิดประตูห้องให้มิดชิด ตราปใดที่ตะเกียงยังสว่างอยู่ย่อมมี
ความหวังว่า ลักษมินทรจะฟื้นขึ้นมาแพศพของลักษมินทรล่องลอยไป
ตามลำน้ำนานถึง 6 เดือน โดยที่สภาพศพไม่เน่า
เปื่อย วันหนึ่งแพได้มาจอดที่ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง หล่อนเห็นสาวคนหนึ่งกำลัง
ซักผ้า แต่ลูกชายร้องไห้งอแงห้ามปรามเท่าไรก็ไม่ยอมหยุด นางก็เลยเค้น
คอลูกชายจนแน่นิ่งและหมดสติไป นางไม่ได้แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆจนกระทั่งงานเสร็จ นางได้เอาน้ำพรมลงบนตัวลูกชายและพร่ำบ่นมนตรา
ไม่กี่คำ ลูกของนางก็ฟื้นได้ดังเดิมนางที่นั่งซักผ้าริมตลิ่งผู้นี้ หาใช่ใครอื่น
แต่ เป็นนางเนตาลูกสาวอีกคนหนึ่งของพระศิวะเจ้าที่ลงสวรรค์มาพร้อมกับนางมนสา เทวีนั่นเอง นางเพลุหาเห็นเช่นนั้นก็อ้อนวอนขอให้นางช่วยชุบ
ชีวิตสามี นางเนตามีข้อแม้ว่านางเพลุหาต้องขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับตนและ
รำถวายให้กับทวยเทพชมก่อนจนทวยเทพประทานพรให้นางถึงจะ
ชุบชีวิตสามีให้นางได้ ด้วยความที่อดีตชาติของนางเพลุหาเป็นนางอัปสร
มาก่อนจึงรำได้อย่างงดงามเป็นที่จับจิตจับใจของทวยเทพ
ฝ่ายทวยเทพได้ประทานพรให้ แต่นางมนสาทวีไม่ยอมบอกว่านางเพลุหาต้องไปเปลี่ยนความคิดให้จานนท์มานับถือนางเสียก่อน ดังนั้นนาง
เพลุหาจึงต้องกลับจำปากนครเพื่อไปบอกกับพ่อสามีตน ในที่สุด
จานนท์ก็ยอมบูชานางมนสาเทวีอย่างเสียมิได้ด้วยตำนานนี้ทำ
ให้เกิดความเชื่ออย่างหนึ่งที่ติดมาจนถึงทุกวันนี้คือ การใช้มือซ้ายในการ
ถวายบูชานางมนสาเทวี เพราะมือขวาของจานนท์นั้นใช้
ถวายและบูชาพระศิวะและพระนางปราวตีเท่านั้นขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้าย
โยนดอกไม้ถวายของบูชากับนางมนสาเทวีอย่างเสียมิได้โดยที่สาย
ตาก็ยังไม่ยอมเหลือบมองแม้แต่เทวรูปของนางมนสาเทวีเลยแม้แต่น้อย...


ข้อมูลโดย
กุหลาบขาว















































Naga Kanya นาค กัญญา เป็นชื่อย่อมาจาก สุมนา นาค กัญญา


เป็นธิดาองค์เดียวแห่งศิวะมหาเทพ(ที่น้อยคนจะรู้จัก)
ท่านคืองูที่อยู่ที่พระศอแห่งพระศิวะนั่นเอง
พระแม่มนสาท่านทรงอิทธิฤทธิ์มหาศาลด้วยท่านทรงเป็นนาคเทวีที่มีฤทธิ์ทั้งบาดาล บนบก และเวหา


ท่านที่บูชาพญานาค ควรมีไว้บูชา
หรือท่านที่บูชาพระศิวะ ก็ควรมีพระแม่องค์นี้บูชาคู่กัน
ด้วยเทวรูปลักษณ์เป็นปางที่พระแม่ทรงถือสังข์ไว้ในพระหัตถ์และทรงอยู่ใน อาการของการสรงศิวะลึงค์ (สัญลักษณ์แห่งพระศิวะเจ้า) ท่านควรมีศิวะลึงค์องค์เล็กๆ(สัญลักษณ์แห่งความอหุดมสมบูรณ์) บูชาไว้ หรือจะ ตั้งบูชาไว้ข้างๆองค์พระศิวะก็ได้เช่นกัน



วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

208 พญาเต่าเรือน

พญาเต่าเรือน

ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์พระเครื่องพระบูชาออนไลน์

พญาเต่าเรือน เนื้อทองลูกบวบหล่อโบราณ ลงยันต์ อักขระพญาเรือนเต่า ด้านบนตรงกลางกระดองเป็นพระพิมพ์สมเด็จ รอบด้วยอักขระ ด้านล่างท้องเต่ายันต์ อักขระชัดเจน


       เครื่องรางของขลังนำมาจากเรื่องราวตำนานพระเจ้า 500 ชาติ พญาเต่าเรือน นับเป็นเครื่องรางที่เก่าแก่และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเครื่องรางประเภทพญาเต่าเรือนนั้น มีทั้งยันต์ มีทั้งการหาซากเต่าที่แห้งตาย รวมไปถึงการสร้างพญาเต่าเรือนจากวัสดุต่างๆ ลงอาคมจนมีความขลังศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้น


       มีตำนานพญาเต่าเรือน กล่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงเสวยชาติเป็นพญาเต่ามีร่างกายใหญ่มาก เท่าเรือนคนอยู่อาศัยได้ จำศิลอยู่ในเกาะแห่งหนึ่งมีอายุยืนนานมานับร้อยๆ ปี จนมาวันหนึ่งมีผู้คนเดินเรือสำเภาเพื่อไปทำการค้าขาย แต่เกิดพายุฝนอย่างหนักทำให้เรือแตกเสียหาย ผู้คนเหล่านั้นติดอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นเวลานาน จนกระทั่งอาหารบนเกาะมีน้อยลง ต่อมาด้วยความอดอยากทำให้คนบนเกาะหันมาฆ่ากันเพื่อเอาเนื้อหนังของอีกฝ่ายมากินประทังชีวิต พญาเต่าเรือนโพธิ์สัตว์ได้เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด เกิดความสลดสังเวชใจ และจิตปรารถนาจะช่วยเหลือ เพื่อสืบสานบารมีแห่งพระโพธิญาณ พญาเต่าเรือนได้ไต่ขึ้นไปบนยอดเขา จากนั้นได้กลิ้งตัวเองลงมาทำให้กระดองที่หุ้มตัวแตกออก เนื้อหนังฉีกเป็นชิ้นๆ และสิ้นใจลง และยังได้นำเอากระดองของเต่าเรือนที่มรขนาดใหญ่มากมาทำเป็นเรือเดินทางในทะเลจนกระทั่งกลับถึงบ้านไปพบหน้าลูกเมียของตนได้ ชาวเรือเหล่านั้นได้ระลึกถึงพระคุณของพญาเต่าเรือนจึงได้วาดภาพแล้วสักการะบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล







           จากเรื่องราวตามตำนานดังกล่าว ทำให้ในกาลต่อมามีการคิดประดิษฐ์เลขยันต์คาถาอาคม เครื่องรางของขลังในลักษณะของเต่าเรือนมา ด้วยเชื่อกันว่าทำให้ทำมาค้าขายดี
    


           การบูชาพญาเต่าเรือนนั้น ท่านว่าให้จุดธูป 3 ดอก แล้วระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์สูงสุดในจักรวาล  และในชาติหนึ่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์เคยเสวยชาติเป็นพญาเต่าเรือน ได้สละเลือดเนื้อชีวิตเพื่อเป็นทานแก่สัตว์ผู้ยาก เป็นพระโพธิสัตว์องค์ประเสริฐด้วยบารมีอันยิ่งยากที่ผู้ใดจะสามารถเสียสละดังนี้ได้ จึงนับเป็นมหากุศลน้อมนำมาเป็นบุญบารมี เพื่อความสุขความเจริญในชีวิตของเราได้ เมื่อได้อธิษฐานจิตดังนี้แล้ว เชื่อว่าจะบังเกิดความสุขความเจริญทำมาค้าขายดี



          สำหรับการตั้งบูชาพญาเต่าเรือนนั้น ท่านว่าให้ตั้งไว้สูงกว่าเทพดาทั่ว ๆ ไป เพราะพญาเต่าเรือนเป็นพระโพธิสัตว์และเป็นชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า แต่ต้องต่ำกว่าพระพุทธธูป การบูชานั้นหลายๆ ที่มักนำน้ำมาหล่อเอาไว้ พร้อมทั้งมีผักบุ้งลอยเอาไว้ หรือดอกมะลิ กลีบกุหลาบลอยไว้ด้วย คอยเติมน้ำให้เต็มเสมอๆ เพราะเชื่อกันว่า หากน้ำลดจะทำให้โชคลาภหดเหือดหายตามไปด้วย และต้องทำน้ำให้สะอาดเสมอๆ จะได้มีความสอใสและชุ่มเย็นในชีวิต ถ้าเป็นพญาเต่าเรือนขนาดเล็ก บางคนถือเคล็ดเอาไว้ในที่เก็บเงิน หรือตั้งไว้ที่ตู้เซฟ ส่วนคาถาบูชา 

 “ นาสังสิโม สังสิโมนา โมนาสังสิ “







เป็นพระคาถาที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และจากคาถานี้   ครูบาอาจารย์นำมาเขียนลงในช่องตารางที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่า เติมหัวเติมหางลงไป จนเป็นภาพเต่าขึ้นมา ถือกันว่าเป็นพระยันต์เป็นพญาเต่าเรือนน้อยเต่าเรือนใหญ่ ที่มีอานุภาพในการระงับคดีความ ซึ่งครูบาอาจารย์เล่าว่าหากเกิดคดีความอันเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ให้ทำการท่องพระคาถาพญาเต่าเรือนและบูชาพญาเต่าเรือน โทษทัณฑ์ที่มีอยู่คดีความที่มีกำลังเป็นปัญหา ก็จะสูญสิ้นไปเป็นอัศจรรย์  และด้วยอานุภาพนี้   จึงเรียพญาเต่าเรือนอีกนัยหนึ่งว่า พญาเต่าเรือน ซึ่งหมายถึง การลบเลือนคดีความที่มีอยู่นั่นเอง การทำวัตถุมงคลพญาเต่าเรือนก็จะทำการปั้นหุ่นทั้งจากดิน จากปูน  หรือหล่อโลหะเป็นรูปเต่า ที่กระดองจะลงอักระคาถาเอาไว้ รวมทั้งที่ใต้ท้องเต่าเรือนด้วย ถ้าเป็นผง  ครูบาอาจารย์จะหาว่านเต่านำโชค  ซึ่งถือว่าเป็นว่านที่มีฤทธิ์ทั้งทางโชคลาภและคงกระพันในตัวมาเป็นมวลสารสำคัญ จากนั้นทำการปลุกเสกจนกระทั่งเต่าเรือนนั้นเคลื่อนตัวได้ท่านว่าเต่าเรือนกล่าวจะมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม  และนำพาโชคลาภได้ดีที่สุด  ครูบาอาจารย์บางท่านมีการใช้วิชาพญาเต่าเรือนอีกรูปแบบหนึ่ง  เรียกกัน  วิชาพญาเต่าดำ  นอกจากนี้ยังมีวิชาเต่าเงินเต่าทอง  ซึ่งเป็นสายวิชาทางพญาเต่าเรือนด้วยกันทั้งสิ้น มีอานุภาพสำคัญทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยมแต่ต้องมีพญาเต่าอยู่คู่กัน ตัวหนึ่งเป็นเต่าเงินตัวหนึ่งเป็นเต่าทอง  ถือว่าเป็นของขลังประจำบ้านหรือร้านค้าได้อย่างดีอีกชนิดหนึ่งเช่นกัน การ


อาราธนาพญาเต่าเรือนนั้นผู้ที่พกพาหรือบูชาควรหมั่นทำการฝึกฝนสมาธิจิตด้วย เพราะหากทำสมาธิจิตดี ย่อมทำให้การท่องคาถาพญาเต่าเรือนมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นผู้ที่หมั่นฝึกภาวนาท่องพระคาถาพญาเต่าเรือนจนได้สมาธิชั้นสูงนั้น ท่านว่าขนาดยื่นมือไปตบหัวเด็ก  เด็กยังไม่โกรธเลย   และแน่นอนว่าหากภาวนาคาถานี้เป็นอารมณ์ในใจเสมอๆ   บุคคลผู้นั้นย่อมเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูงส่ง   และมีโชคลาภไม่ขาดสายโดยไม่ต้องสงสัยเลย  เพราะหากใครก็ตามที่มีวัตถุมงคลพญาเต่าเรือนบูชาประกอบกับการท่องพระคาถาเป็นประจำเสมอๆ   อยู่แล้ว  ย่อมเกิดฤทธ์ทางเมตตามหานิยมสูงส่งมีโชคลาภถึงขนาดที่ว่า ยาจกกลายเป็นเศรษฐีได้   เพราะเรืองของอำนาจจิตผนวกกับอำนาจของคุณพระรัตนตรัยและคุณพระโพธิสัตว์พญาเต่าเรือนนั้น ย่อมเป็นพลังงานที่มีอานุภาพมหาศาลสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตภูมิชีวิตของผู้ศรัทธาได้อย่างน่าอัศจรรย์  แต่ทั้งนี้บุคคลผู้นั้นต้องมีศรัทธาอย่างแน่วแน่ในความศักดิ์สิทธิ์ถึงจะได้ผล





ด้านหลังมีพระพิมพ์สมเด็จ