นาคราชรักษาศีล
(จมฺเปยฺยชาตกํ) ๕๐๖
กา
นุ วิชฺชุริวาภาสิ... น
ตํ มญฺญามิ มานุสี ฯ...
อิทญฺจ เม ชาตรูปํ
ปหูตํ...
รชฺชญฺจ กาเรหิ
อโนมปญฺญาติ ฯ
ความนำ
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ
วัดพระเชตวัน ทรงปรารภการรักษาอุโบสถกรรมคือการสมาทานศีล
๘ ได้ตรัสพระธรรมเทศนาคือคาถาที่ปรากฏ ณ เบื้องต้น
ปัจจุบันชาติ
มีเรื่องเล่าว่า
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสกะอุบาสกและอุบาสิกาผู้สมาทานศีลอุโบสถว่า
“ดูก่อนอุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย
การที่ท่านทั้งหลายอยู่รักษาอุโบสถกรรมเป็นความดี
เพราะว่า บัณฑิตทั้งหลายแต่เก่าก่อนเคยละสมบัติแห่งนาคราชมาอยู่รักษาศีลอุโบสถแล้ว”
อันอุบาสกและอุบาสิกาอาราธนาแล้ว
ได้ทรงนำเรื่องราวในอดีตชาติมาตรัสเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้
อดีตชาติเนื้อหาชาดก
ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามว่า พระเจ้าอังคติราช เสวยราชสมบัติอยู่ในอังครัฐ ราชธานี ในระหว่างแคว้นอังคะและมคธะต่อกันนั้นมีแม่น้ำชื่อจัมปานที ข้างล่างแห่งแม่น้ำนั้นเป็นนาคพิภพมีพระยานาคราชชื่อว่าจัมเปยยะครองราชย์สมบัติอยู่
โดยปกติ พระราชาแห่งแคว้นทั้งสองเป็นศัตรูรบกันและผลัดกันแพ้และชนะ วันหนึ่ง พระเจ้ามคธราชทรงรบแพ้ได้เสด็จขึ้นม้าพระที่นั่งหลบหนีไปถึงฝั่งจัมปานที พวกทหารพระเจ้าอังคราชตามไปติด ๆ พระองค์ได้กระโดดลงสู่แม่น้ำพร้อมทั้งม้าพระที่นั่งไปปรากฏ ตรงเฉพาะพระพักตร์แห่งพระยานาคราชนั้น พระยานาคราชได้ทรงช่วยเหลือ เมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด จัมเปยยนาคราชจึงได้ใช้อานุภาพช่วยเหลือยึดแคว้นอังคะมาถวายพระเจ้ามคธราชและสำเร็จโทษพระเจ้าอังคะ
นับแต่นั้นมา
ความคุ้นเคยรักใคร่ระหว่างพระเจ้ามคธราชและพระยานาคราชได้กระชับมั่นคงยิ่งขึ้น พระเจ้ามคธราชได้กระทำพลีกรรมแก่พระยานาคราชทุกปี
แม้พระยานาคราชก็ออกจากนาคพิภพมารับพลีกรรมเสมอ
มีชายคนหนึ่งเห็นสมบัติของพระยานาคราชก็อยากได้สมบัติอย่างนั้นบ้าง
จึงทำบุญให้ทาน รักษาศีล เมื่อจัมเปยยนาคราชถึงแก่กรรมได้
๗ วัน เขาก็ถึงแก่กรรมไปเกิดแทนนาคราชองค์เดิมทันทีแต่ก็ไม่พอใจเพราะคิดอยากไปเกิดในสวรรค์มากกว่าที่จะเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน
จึงคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อถูกบรรดานาคมาณวิกาสวยงามมาบำรุงบำเรอจิตที่คิดฆ่าตัวตายได้หายไป
ต่อมา
พระยานาคเกิดอยากไปเกิดเป็นมนุษย์จึงคิดจะไปรักษาอุโบสถกรรมเพื่อจะได้หลุดพ้นจากอัตภาพนี้ไป
จักได้แทงตลอดสัจจธรรม กระทำที่สุดแห่งทุกข์ คิดดังนั้นแล้วท่านได้รักษาอุโบสถกรรมอยู่ในปราสาทของตนเอง
แต่พวกนางมาณวิกาเข้าไปหาเสมอ ทำให้ท่านต้องตบะแตก จึงหนีไปรักษาศีลอุโบสถในโลกมนุษย์โดยคิดให้ร่างกายเป็นทาน
ชาวบ้านเห็นได้พากันบูชาท่าน
ครั้งนั้น
มีมาณพชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งได้มาจับนาคราชไปโดยใช้อาลัมภายนมนต์ที่เรียนมาร่ายมนต์บังคับพระยานาค
แม้จะเจ็บปวด แต่นาคราชก็ไม่กล้าฆ่าหมองูเพราะกลัวศีลจะขาด
แม้จะถูกทรมานแค่ไหนจนโลหิตไหลโซมกายแต่ท่านได้ทรงบำเพ็ญขันติบารมีทำการอดกลั้น ความทุกข์ทรมานและแผ่เมตตาบารมีแก่หมองู
พราหมณ์หมองูนำพระยานาคไปเล่นตามงานต่าง
ๆ แล้วคิดว่า เราจักให้นาคราชเล่นถวายพระเจ้าอุคคเสนแล้วค่อยปล่อยไป วันหนึ่ง เขาได้เข้าเฝ้าพระราชาแล้วบังคับให้พระยานาคฟ้อนรำถวาย
มหาชนเห็นแล้วพากันดีใจปรบมือโห่ร้อง วันนั้นเป็นวันที่ครบ ๑ เดือนแห่งการถูกจับมาพอดี
ฝ่ายนางสุมนาเทวีนาคมาณวิการะลึกถึงพระสวามีของตน
นางได้ไปในโลกมนุษย์เมื่อทราบเรืองราวทั้งหมดจึงไปยืนกันแสงอยู่ที่กลางอากาศในท่ามกลางบริษัท
ณ ประตูพระราชวัง ในขณะนั้น พระยานาคกำลังฟ้อนรำถวายพระราชาเมื่อเห็นมเหสีของตนเองก็เกิดละอายพระทัยเลื้อยเข้าไปนอนขดในตะกร้าที่อยู่ของตน
พระราชาเห็นสาวสวยมายืนร้องไห้ในอากาศก็สอบถาม
นางจึงเล่าเรื่องความจริงให้ฟังว่า
นาคราชที่กำลังฟ้อนรำถวายคือพระสวามีของนางสร้างความแปลกพระทัยให้พระราชาอย่างยิ่งเพราะพระองค์ทราบว่า
พระยานาคมีฤทธิ์มากมายทำไมต้องตกเป็นทาสของหมองูด้วย
นางสุมนาเทวีกราบทูลให้ทราบว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระยานาคทำความเคารพพระธรรมคือเบญจศีลและพระธรรมคือการอยู่รักษาอุโบสถจึงยอมเป็นทาสหมองูและขอร้องให้พระราชาได้ช่วยสวามีของนาง
พระราชาจึงโปรดพระราชทานทรัพย์มากมายแก่ลุททกพราหมณ์เพื่อปลดปล่อยนาคราชให้หลุดพ้นจากอิสระ
นาคราชอันลุททกพราหมณ์ปล่อยแล้วได้เนรมิตร่างกายเป็นมาณพน้อยโดยมี นางสุมนาเทวีลอยยืนเคียงข้างพระภัสดาของตน
นาคราชได้ยืนประณมมือนอบน้อมพระราชาและเชื้อเชิญพระราชาให้ไปเยี่ยมวังของตนในนาคพิภพ
แต่ก่อนเสด็จไป พระราชาได้ตรัสว่า พระองค์ไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ กะอมนุษย์จะเป็นเพื่อนกันได้
พระยานาคได้ถวายสัตย์สาบานว่าจะไม่กล่าวคำเท็จอย่างเด็ดขาดเพราะที่รอดชีวิตมาได้ ก็เพราะพระคุณของพระราชานั่นเอง ถ้ากล่าวเท็จขอให้ตกนรกอย่าได้ผุดเกิด
ทำให้พระราชาทรงเชื่อถ้อยคำของพระยานาค
จากนั้น
พระราชาได้เสด็จไปยังนาคพิภพทันที พระองค์ได้เห็นสมบัติอันยิ่งใหญ่ของพระยานาค
จึงสอบถามถึงเหตุผลที่พระยานาคราชได้ละทิ้งสมบัติอันยิ่งใหญ่ไปนอนรักษาศีลอุโบสถเพื่อประโยชน์อะไร
พระยานาคราชจึงตรัสให้ทราบว่า เพราะต้องการจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ พระราชาจึงตรัสถามว่า
มนุษยโลกประเสริฐกว่านาคพิภพด้วยเหตุผลอะไร
พระยานาคราชจึงทูลให้ทราบว่า
เพราะได้กำเนิดเป็นมนุษย์จึงทำให้เป็นผู้มีศีลและทำให้บรรลุถึงนิพพาน
การไปเกิดในมนุษย์จะทำให้ถึงที่สุดแห่งชาติและมรณะได้
จากนั้น
พระยานาคราชได้กราบทูลแด่พระราชาว่า
ชนเหล่าใด
มีปัญญาเป็นพหูสูต ตรึกตรองเหตุการณ์ถี่ถ้วนมาก ชนเหล่านั้นควรคบหาแท้ทีเดียว ข้าแต่พระมหาราชา
พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นนางนาคกัญญาและตัวข้าพระพุทธเจ้าแล้ว
ขอจงบำเพ็ญบุญให้มากเถิด
ความหมายของคาถา
พระยานาคราชมีพระประสงค์จะให้พระราชาตระหนักในความดีคือการทำบุญให้มาก
ครั้นพระยานาคทูลอย่างนี้แล้ว
พระเจ้าอุคคเสนะทรงมีพระประสงค์จะเสด็จกลับไปยังมนุษยโลก จึงตรัสอำลา
พระยานาคราชจึงได้ถวายสมบัติมากมายแด่พระองค์ พระราชาเสด็จออกจากนาคพิภพกลับไปสู่พระนครพาราณสีด้วยยศบริวารเป็นอันมาก
เล่ากันว่า นับแต่นั้นมา ชมพูทวีปจึงเกิดมีเงินมีทองขึ้น
พระพุทธเจ้าครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า
“หมองูคือเทวทัต
นางนาคกัญญาสุมนาเทวีคือราหุลมารดา พระเจ้าอุคคเสนราชคือสารีบุตร
ส่วนจัมเปยยนาคราชคือเราตถาคตนั่นเอง”
สรุปสุภาษิตจากชาดกนี้
ศีลเป็นสิ่งยอดเยี่ยมในโลก
วิเคราะห์แนวคิดเชิงจริยธรรมอันเป็นหัวใจหลักในชาดกนี้
ชาดกเรื่องนี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงความดีของการรักษาศีลอุโบสถคือการรักษาศีล
๘ นั่นเอง การรักษาศีล ๘ นั้น ถ้าผู้ใดกระทำในเพศฆราวาส ถือว่าผู้นั้นเป็นนักพรตในเพศฆราวาส
อันที่จริง ถ้าบุคคลใดมีศีล ๘
โดยธรรมชาติอันมาพร้อมการบรรลุอริยมรรค ถือว่าบุคคลนั้นเป็นอริยบุคคลระดับ ๓ คืออนาคามีนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ชาดกเรื่องนี้ได้ให้ความสำคัญกะเพศมนุษย์มากว่า
เป็นภพที่มีบุญเพราะ อยู่กลาง ๆ
ระหว่างความสุขมากและความทุกข์มากเอื้อเฟื้อทำให้บรรลุนิพพานได้ง่าย ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น